ประเทศเยอรมนีตะวันออก
From Wikipedia, the free encyclopedia
เยอรมนีตะวันออก (อังกฤษ: East Germany) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี (เยอรมัน: Deutsche Demokratische Republik[lower-alpha 7]; อังกฤษ: German Democratic Republic[lower-alpha 8]) เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ดำรงอยู่ในช่วงปี 1949 ถึงปี 1990 โดยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเยอรมันที่ถูกปกครองโดยอดีตสหภาพโซเวียต หลังจากการยึดครองเยอรมนีของกองทัพโซเวียตสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีตะวันออกเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมสนธิสัญญาวอร์ซอ ในช่วงสงครามเย็น โดยเยอรมนีตะวันออกได้นิยามตัวเองว่าเป็นรัฐสังคมนิยม "ของคนงานและชาวนา"[7] และเขตที่ถูกยึดครอง ได้รับการปกครองโดยกองกำลังโซเวียตในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง เขตยึดครองโซเวียตตามข้อตกลงพ็อทซ์ดัมซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับแนวโอเดอร์–ไนเซอ เขตยึดครองโซเวียตล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตก แต่ไม่รวมถึง เป็นผลให้เบอร์ลินตะวันตกยังคงอยู่นอกเขตอำนาจของเยอรมนีตะวันออก
สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี Deutsche Demokratische Republik | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1949–1990 | |||||||||
ดินแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี (ประเทศเยอรมนีตะวันออก) โดยก่อตั้งในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1949 จนกระทั่งถูกยุบในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1990 | |||||||||
สถานะ | สมาชิกกติกาสัญญาวอร์ซอ (1955–1989) รัฐบริวารของสหภาพโซเวียต (1949–1989)[1] สมาชิกคอมิคอน (1950–1990)[2] | ||||||||
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | เบอร์ลินตะวันออก[lower-alpha 1] (โดยพฤตินัย) | ||||||||
ภาษาราชการ | เยอรมัน ซอร์เบีย (ในส่วนของเขตเดรสเดินและเขตค็อทบุส) | ||||||||
ศาสนา | ดูศาสนาในประเทศเยอรมนีตะวันออก | ||||||||
เดมะนิม | ชาวเยอรมันตะวันออก | ||||||||
การปกครอง | สหพันธ์ ลัทธิมากซ์-เลนิน รัฐพรรคการเมืองเดียว สาธารณรัฐสังคมนิยม (1949–1952) รัฐเดี่ยว ลัทธิมากซ์-เลนิน รัฐพรรคการเมืองเดียว สาธารณรัฐสังคมนิยม (1952–1989) รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา (1989–1990) | ||||||||
เลขาธิการ | |||||||||
• ค.ศ. 1946–1950[lower-alpha 2] | วิลเฮ็ล์ม พีคกับอ็อทโท โกรเทอโวล[lower-alpha 3] | ||||||||
• ค.ศ. 1950–1971 | วัลเทอร์ อุลบริชท์ | ||||||||
• ค.ศ. 1971–1989 | เอริช ฮ็อนเน็คเคอร์ | ||||||||
• ค.ศ. 1989[lower-alpha 4] | เอก็อน เคร็นทซ์ | ||||||||
ประมุขแห่งรัฐ | |||||||||
• 1949–1960 (คนแรก) | วิลเฮ็ล์ม พีค | ||||||||
• 1990 (คนสุดท้าย) | ซาบีเนอ แบร์คมัน-โพล | ||||||||
หัวหน้ารัฐบาล | |||||||||
• ค.ศ. 1949–1964 (คนแรก) | อ็อทโท โกรเทอโวล | ||||||||
• ค.ศ. 1990 (คนสุดท้าย) | โลทาร์ เดอ เม็ซซีแอร์ | ||||||||
สภานิติบัญญัติ | หอประชารัฐ (สภาสูง) หอประชาชน (สภาล่าง) | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สงครามเย็น | ||||||||
• ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ | 7 ตุลาคม 1949 | ||||||||
16 มิถุนายน ค.ศ. 1953 | |||||||||
14 พฤษภาคม 1955 | |||||||||
4 มิถุนายน 1961 | |||||||||
• สนธิสัญญาพื้นฐาน กับประเทศเยอรมนีตะวันตก | 13 มิถุนายน 1973 | ||||||||
18 กันยายน ค.ศ. 1973 | |||||||||
13 ตุลาคม ค.ศ. 1989 | |||||||||
9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 | |||||||||
12 กันยายน ค.ศ. 1990 | |||||||||
3 ตุลาคม 1990 | |||||||||
พื้นที่ | |||||||||
• รวม | 108,333 ตารางกิโลเมตร (41,828 ตารางไมล์) | ||||||||
ประชากร | |||||||||
• 1950 | 18,388,000[lower-alpha 5][3] | ||||||||
• 1970 | 17,068,000 | ||||||||
• 1990 | 16,111,000 | ||||||||
149 ต่อตารางกิโลเมตร (385.9 ต่อตารางไมล์) | |||||||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 1989 (ประมาณ) | ||||||||
• รวม | 525.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] | ||||||||
• ต่อหัว | 42,004 ดอลลาร์สหรัฐ[4] | ||||||||
เอชดีไอ (1989) | 0.953[5] สูงมาก | ||||||||
สกุลเงิน |
| ||||||||
เขตเวลา | (UTC+1) | ||||||||
ขับรถด้าน | ขวา | ||||||||
รหัสโทรศัพท์ | +37 | ||||||||
โดเมนบนสุด | .dd[lower-alpha 6][6] | ||||||||
| |||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | ประเทศเยอรมนี | ||||||||
ธงชาติเยอรมนีตะวันออกที่นำมาใช้ใน ค.ศ. 1949 คล้ายกับธงของประเทศเยอรมนีตะวันตก ใน ค.ศ. 1959 รัฐบาลเยอรมนีตะวันออกได้ตีพิมพ์ธงใหม่พร้อมกับเพลงชาติ เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างตะวันออกและตะวันตก |
สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนีก่อตั้งขึ้นในเขตโซเวียต ขณะที่สหพันธรัฐจัดตั้งขึ้นในสามเขตตะวันตก เยอรมนีตะวันออกเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียต[8] เจ้าหน้าที่ยึดครองโซเวียตได้เริ่มถ่ายโอนความรับผิดชอบในการบริหารให้กับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมนีในปี 1948 และเริ่มมีบทบาทเป็นรัฐเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1949 อย่างไรก็ตามกองทัพโซเวียตยังคงกำลังอยู่ในประเทศตลอดช่วงสงครามเย็น จนถึง 1989 เยอรมนีตะวันออกถูกปกครองโดยพรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี แม้ว่าพรรคอื่น ๆ ในนามขององค์กรพันธมิตรแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติเยอรมนี[9] พรรคเอกภาพสังคมนิยมยังได้บังคับให้ทุกโรงเรียนต้องสอนแนวคิดลัทธิมากซ์ - เลนิน และภาษารัสเซีย[10]
เศรษฐกิจมีการวางแผนจากส่วนกลางและเป็นของรัฐมากขึ้น[11] ราคาที่อยู่อาศัยสินค้าพื้นฐานและบริการถูกกำหนดโดยนักวางแผนของรัฐบาลกลางมากกว่าการเพิ่มขึ้นและลดลงตามอุปสงค์และอุปทาน และได้รับเงินอุดหนุนอย่างมาก แม้ว่าเยอรมนีตะวันออกจะต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามอย่างมหาศาลให้กับสหภาพโซเวียต แต่ก็กลายเป็นเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในกลุ่มตะวันออก การอพยพไปทางเยอรมนีตะวันตกเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากผู้อพยพหลายคนเป็นเยาวชนที่มีการศึกษาดีทำให้เศรษฐกิจของประเทศอ่อนแอลง รัฐบาลเสริมสร้างพรมแดนด้านเยอรมนีตะวันตกและในปี 1961 รัฐบาลเยอรมนีตะวันออกได้สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นมา หลายคนที่พยายามหลบหนีจะถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่ชายแดน หรือโดนกับดักหลุมพรางเช่นทุ่นระเบิดเป็นต้น[12]
ในปี 1989 ปัญหาทางสังคม, เศรษฐกิจ และการเมืองที่มากขึ่นในเยอรมนีตะวันออกและต่างประเทศได้นำไปสู่การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินและการจัดตั้งรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการเปิดเสรี ส่งผลให้เกิดการจัดการเลือกตั้งเสรีขึ้นเป็นครั้งแรกในเยอรมนีตะวันออกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 1990[13] นำไปสู่การเจรจาระหว่างเยอรมนีทั้งสองประเทศ และ ชาติมหาอำนาจอีกสี่ชาติที่เคยยึดครองเยอรมนีในอดีต จึงก่อให้เกิดการลงนามในข้อตกลงของ สนธิสัญญาสองบวกสี่ (สนธิสัญญาว่าด้วยการตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับดินแดนเยอรมนี) ณ กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1990 โดยให้อำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์แก่ประเทศเยอรมนีที่รวมกันใหม่ และเยอรมนีได้รวมตัวกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1990 และกลายเป็นรัฐอธิปไตยอย่างเต็มที่อีกครั้ง ผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของเยอรมนีตะวันออกคือ เอก็อน เคร็นทซ์ ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมในช่วงสงครามเย็นหลังเยอรมนีรวมประเทศ
ด้านภูมิศาสตร์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนีติดกับทะเลบอลติกไปทางทิศเหนือ สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ไปทางทิศตะวันออก, เชโกสโลวาเกียไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเยอรมนีตะวันตกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และตะวันตก ภายในเยอรมนีตะวันออกยังมีล้อมนอกรอบเขตโซเวียตของเบอร์ลินภายใต้การยึดครองของสัมพันธมิตร เรียกว่า เบอร์ลินตะวันออก ซึ่งได้กลายเป็นเมืองหลวงในทางพฤตินัย นอกจากนี้ยังมีล้อมรอบสามเขตที่ยึดครองโดยสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสถูกเรียกว่า เบอร์ลินตะวันตก ทั้งสามเขตถูกครอบครองโดยประเทศตะวันตกถูกปิดผนึกออกจากส่วนที่เหลือของเยอรมนีตะวันออกโดยกำแพงเบอร์ลินจากการก่อสร้างในปี 1961 จนกระทั่งถูกทุบลงในปี 1989