ประเทศเติร์กเมนิสถาน
ประเทศในเอเชียกลาง / From Wikipedia, the free encyclopedia
เติร์กเมนิสถาน (อังกฤษ: Turkmenistan; เติร์กเมน: Türkmenistan, ออกเสียง [tʏɾkmønʏˈθːɑːn])[9] เป็นประเทศในเอเชียกลาง มีพรมแดนติดกับคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ประเทศอัฟกานิสถาน อิหร่าน และมีชายฝั่งบนทะเลแคสเปียน โดยมีอาชกาบัตเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประชากรในประเทศประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในเอเชียกลาง และมีประชากรเบาบางมากที่สุดในเอเชีย
เติร์กเมนิสถาน Türkmenistan (เติร์กเมน) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศเติร์กเมนิสถาน (แดง) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | อาชกาบัต 37°58′N 58°20′E |
ภาษาราชการ | เติร์กเมน[3] |
ภาษาสำหรับการสื่อสารระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ | รัสเซีย |
ภาษาอื่น ๆ |
|
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2020) |
|
ศาสนา | |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบประธานาธิบดีที่มีพรรคการเมืองเดียว ภายใต้ระบอบเผด็จการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ |
เซร์ดาร์ เบร์ดือมูฮาเมดอว์ | |
• รองประธานาธิบดี | ราชิต เมเรดอว์ |
• ประธานสภาประชาชน | กูร์บันกูลือ เบร์ดือมูฮาเมดอว์ |
สภานิติบัญญัติ | สภาแห่งชาติ[4] |
• สภาสูง | สภาประชาชน |
• สภาล่าง | สมัชชา |
เอกราชจากรัสเซียและสหภาพโซเวียต | |
• การพิชิต | ค.ศ. 1879 |
13 พฤษภาคม ค.ศ. 1925 | |
• ประกาศเป็นรัฐเอกราช | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1990 |
• จากสหภาพโซเวียต | 27 ตุลาคม ค.ศ. 1991 |
• ได้รับการยอมรับ | 26 ธันวาคม ค.ศ. 1991 |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 |
พื้นที่ | |
• รวม | 491,210 ตารางกิโลเมตร (189,660 ตารางไมล์)[5] (อันดับที่ 52) |
4.9 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2020 ประมาณ | 6,031,187[6] (อันดับที่ 113) |
10.5 ต่อตารางกิโลเมตร (27.2 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 221) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2018 (ประมาณ) |
• รวม | 112,659 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] |
• ต่อหัว | 19,526 ดอลลาร์สหรัฐ[7] |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2018 (ประมาณ) |
• รวม | 42,764 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] |
• ต่อหัว | 7,411 ดอลลาร์สหรัฐ[7] |
จีนี (ค.ศ. 1998) | 40.8 ปานกลาง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.715[8] สูง · อันดับที่ 111 |
สกุลเงิน | มานัตเติร์กเมนิสถาน (TMT) |
เขตเวลา | UTC+05 (TMT) |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | +993 |
โดเมนบนสุด | .tm |
เติร์กเมนิสถานเป็นทางแยกของอารยธรรมมานานนับศตวรรษ โดยเมิร์ฟเป็นหนึ่งในเมืองโอเอซิสที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียกลาง[10] และเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก[11] ในยุคกลาง เมิร์ฟถือเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของโลกอิสลามและเป็นจุดหยุดสำคัญบนเส้นทางสายไหม ต่อมาถูกผนวกโดยจักรวรรดิรัสเซียใน ค.ศ. 1881 ซึ่งมีขบวนการต่อต้านบอลเชวิคในเอเชียกลาง ใน ค.ศ. 1925 เติร์กเมนิสถานกลายเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตเติร์กเมน สาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต แล้วเป็นเอกราชหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991[12]
เติร์เมนิสถานมีก๊าซธรรมชาติสำรองขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก[13] โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ทะเลทรายการากุมหรือทะเลทรายดำ จาก ค.ศ. 1993 ถึง 2017 พลเมืองในประเทศได้รับไฟฟ้า น้ำ และก๊าซธรรมชาติจากรัฐบาลโดยไม่คิดเงิน[14]
ประเทศนี้ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมากจากสิทธิมนุษยชนที่ย่ำแย่[15][16] โดยปัญหาส่วนใหญ่คือการดูแลชนกลุ่มน้อย, เสรีภาพสื่อ และเสรีภาพทางศาสนา หลังเป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991 รัฐเอกราชเติร์กเมนิสถานถูกปกครองโดยผู้ปกคอรงเผด็จการสองคน ได้แก่ประธานาธิบดีตลอดชีพซาปาร์มือรัต นือยาซอว์ (มีอีกชื่อว่า ทืร์กเมนบาชือ หรือ "หัวหน้าของชาวเติร์กเมนทั้งปวง") จนกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 2006 กูร์บันกูลือ เบร์ดือมูฮาเมดอว์กลายเป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ. 2007 หลังชนะการเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย (เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและรักษาการประธานาธิบดี) การใช้บทลงโทษด้วยการประหารชีวิตถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2008[17][18]