พระเจ้ามีไฮที่ 1 แห่งโรมาเนีย
From Wikipedia, the free encyclopedia
สมเด็จพระราชาธิบดีมีไฮที่ 1 แห่งโรมาเนีย หรือ สมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 แห่งโรมาเนีย (โรมาเนีย: Mihai I al României, Michael I al României; 25 ตุลาคม ค.ศ. 1921 - 5 ธันวาคม ค.ศ. 2017) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรโรมาเนีย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1927 ถึง 8 มิถุนายน ค.ศ. 1930 และเป็นกษัตริย์อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1940 จนกระทั่งทรงถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์ในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1947
สมเด็จพระราชาธิบดีมีไฮที่ 1 | |
---|---|
กษัตริย์มีไฮใน ค.ศ. 1947 | |
พระมหากษัตริย์แห่งชาวโรมาเนีย | |
ทรงราชย์ครั้งแรก | 20 กรกฎาคม 1927 – 8 มิถุนายน 1930 (2 ปี 323 วัน) |
ก่อนหน้า | เฟอร์ดินานด์ที่ 1 |
ถัดไป | คาโรลที่ 2 |
ผู้สำเร็จราชการ นายกรัฐมนตรี | ดูรายชื่อ
ดูรายชื่อ
|
ทรงราชย์ครั้งสอง | 6 กันยายน 1940 – 30 ธันวาคม 1947 (7 ปี 115 วัน) |
ราชาภิเษก | 6 กันยายน ค.ศ. 1940 |
ก่อนหน้า | คาโรลที่ 2 |
ถัดไป | ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้าง |
นายกรัฐมนตรี | ดูรายชื่อ
|
พระราชสมภพ | 25 ตุลาคม ค.ศ. 1921(1921-10-25) ปราสาทเปเลช, ซีนาเอีย, ราชอาณาจักรโรมาเนีย |
สวรรคต | 5 ธันวาคม ค.ศ. 2017(2017-12-05) (96 ปี) อูบอนน์, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ |
ฝังพระศพ | 16 ธันวาคม ค.ศ. 2017 วิหารหลวงคูร์ตา เด อาร์เจช ประเทศโรมาเนีย |
คู่อภิเษก | แอนน์ เดอ บูร์บง-ปาร์มา |
พระราชบุตร | มกุฎราชกุมารีมาร์กาเรตา เจ้าหญิงเอเลนา เจ้าหญิงอีรีนา เจ้าหญิงโซเฟีย เจ้าหญิงมารีอา |
ราชวงศ์ | โฮเอ็นโซลเลิร์น-ซิกมาริงเงิน |
พระราชบิดา | สมเด็จพระเจ้าคาโรลที่ 2 |
พระราชมารดา | เฮเลนแห่งกรีซและเดนมาร์ก |
ศาสนา | ออร์ทอดอกซ์โรมาเนีย |
ลายพระอภิไธย |
ไม่นานนักหลังจากเสด็จพระราชสมภพ มกุฎราชกุมารคาโรลแห่งโรมาเนีย พระราชชนกของพระองค์ ทรงมีความสัมพันธ์อันน่าอื้อฉาวกับมักดา ลูเปสคู ในปีค.ศ. 1925 มกุฎราชกุมารคาโรลทรงถูกกดดันให้สละสิทธิในราชบัลลังก์และทรงเสด็จลี้ภัยไปยังปารีสร่วมกับลูเปสคู ในปีค.ศ. 1927 เจ้าชายมีไฮได้ขึ้นสืบราชบัลลังก์ หลังจากการสวรรคตของพระอัยกาคือ กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 1 โดยกษัตริย์มีไฮยังทรงพระเยาว์ จึงมีการตั้งสภาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขึ้นมาประกอบด้วย เจ้าชายนีกอลาเอ พระปิตุลาของพระองค์ อัครบิดร มิรอน คริสเตอา และประธานศาลสูงสุด จีออร์เก บุซดูกัน แต่พิสูจน์แล้วว่าสภาผู้สำเร็จราชการไม่มีประสิทธิภาพ และในปีค.ศ. 1930 เจ้าชายคาโรลเสด็จกลับโรมาเนียและครองราชย์เป็นกษัตริย์แทนพระราชโอรส ครองราชย์ในนามว่า กษัตริย์คาโรลที่ 2 เป็นผลให้เจ้าชายมีไฮกลายเป็นรัชทายาทอีกครั้งและทรงได้รับพระอิสริยยศเพิ่มเติมคือ แกรนด์วอยโวดแห่งอัลบา-อูเลีย
กษัตริย์คาโรลที่ 2 ถูกปลดจากราชบัลลังก์ในปีค.ศ. 1940 และมกุฎราชกุมารมีไฮทรงเป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้ง ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารของเอียน อันโตเนสคู โรมาเนียปรับตัวเข้าร่วมกับนาซีเยอรมนี ในปีค.ศ. 1944 กษัตริย์มีไฮทรงก่อรัฐประหารต่อต้านอันโตเนสคู ทรงแต่งตั้งคอนสแตนติน ซานาเทสคูขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และต่อมาได้ประกาศฟื้นสัมพันธ์กับฝ่ายสัมพันธมิตร ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 ด้วยแรงกดดันทางการเมืองบีบบังคับให้กษัตริย์มีไฮทรงแต่งตั้งคณะรัฐบาลนิยมสหภาพโซเวียตที่นำโดย เปตรู กรอซา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945 ถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1946 กษัตริย์มีไฮทรงดำเนินการ "โจมตีโดยพระราชวงศ์" และไม่ทรงประสบความสำเร็จในการต่อต้านรัฐบาลของกรอซาที่ถูกควบคุมโดยคอมมิวนิสต์ โดยพระองค์ปฏิเสธที่จะลงพระปรมาภิไธยและรับรองพระราชกฤษฎีกาต่างๆ ในเดือนพฤศจิกายน กษัตริย์มีไฮเสด็จร่วมพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระญาติคือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ในอนาคตกับเจ้าชายฟิลิปปอสแห่งกรีซและเดนมาร์กที่ลอนดอน ไม่นานหลังจากนั้น ช่วงเช้าของวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1947 นายกรัฐมนตรีกรอซาได้มาเข้าเฝ้ากษัตริย์มีไฮและบีบบังคับให้พระองค์สละราชบัลลังก์ กษัตริย์มีไฮทรงถูกเนรเทศ พระราชทรัพย์ถูกยึด และมีการถอดความเป็นพลเมืองของพระองค์ ในปีค.ศ. 1948 พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแอนน์แห่งบูร์บง-ปาร์มา (ต่อมาเป็นที่รู้จักในพระนาม สมเด็จพระราชินีอานาแห่งโรมาเนีย) ทรงมีพระราชธิดาร่วมกัน 5 พระองค์ และท้ายที่สุดทั้งสองพระองค์ประทับที่สวิตเซอร์แลนด์
ระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ของนีกอลาเอ ชาวูเชสกูถูกโค่นล้มในปีค.ศ. 1989 และในปีถัดมา อดีตกษัตริย์มีไฮทรงพยายามเสด็จกลับโรมาเนีย แต่ก็ทรงถูกจับกุมและบีบบังคับให้เสด็จออกไปเมื่อเพิ่งมาถึง ในปีค.ศ. 1992 อดีตกษัตริย์มีไฮได้รับอนุญาตให้เสด็จโรมาเนียในช่วงอีสเตอร์ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากรอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ทรงมีพระราชดำรัสผ่านหน้าต่างของโรงแรมซึ่งดึงดูดประชาชนประมาณหนึ่งล้านคนในบูคาเรสต์ ด้วยความตื่นตระหนกของความนิยมในอดีตกษัตริย์มีไฮ รัฐบาลหลังสมัยคอมมิวนิสต์ของประธานาธิบดีเอียน อีลีเอสคูปฏิเสธที่จะให้พระองค์เสด็จเยือนอีก ในปีค.ศ. 1997 หลังจากอีลีเอสคูพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีแก่ เอมิล คอนสแตนติเนสคู ในปีก่อน สถานะความเป็นพลเมืองของอดีตกษัตริย์มีไฮได้รับการฟื้นคืนและทรงได้รับอนุญาตให้เสด็จโรมาเนียอีกครั้ง ทรัพย์สินต่างๆที่ถูกยึด เช่น ปราสาทเปเรสและปราสาทซาวาร์ซิน ได้รับการฟื้นคืนมาสู่พระราชวงศ์ของพระองค์ได้ในที่สุด