อาสนวิหารแร็งส์
From Wikipedia, the free encyclopedia
อาสนวิหารแร็งส์ (ฝรั่งเศส: Cathédrale de Reims) หรือชื่อทางการว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งแร็งส์ (Cathédrale Notre-Dame de Reims) เป็นอาสนวิหารสำคัญของเมืองแร็งส์ จังหวัดมาร์น ประเทศฝรั่งเศส ที่เคยใช้ในพิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส อาสนวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างบนฐานของวิหารเดิมที่ถูกเพลิงไหม้ไปเมื่อ ค.ศ. 1211 โดยคาดการณ์ว่าวิหารเดิมนั้นมีอายุราวช่วงปี ค.ศ. 400 อาสนวิหารเป็นที่ตั้งของอัครมุขมณฑลแห่งแร็งส์
อาสนวิหารแร็งส์ | |
---|---|
อาสนวิหารแม่พระแห่งแร็งส์ | |
ฝรั่งเศส: Cathédrale Notre-Dame de Reims | |
ส่วนหน้าของอาสนวิหาร มองทางตะวันออกเฉียงเหนือ | |
49°15′13″N 4°2′3″E | |
ที่ตั้ง | Place du Cardinal Luçon, 51100 แร็งส์ ประเทศฝรั่งเศส |
ประเทศ | ฝรั่งเศส |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
เว็บไซต์ | www |
ประวัติ | |
สถานะ | อาสนวิหาร |
อุทิศแก่ | แม่พระแห่งแร็งส์ |
สถาปัตยกรรม | |
บุคคลที่เกี่ยวข้อง | พระเจ้าโคลวิสที่ 1 |
สถานะการใช้งาน | ใช้งาน |
สถาปนิก | Jean d'Orbais Jean-le-Loup Gaucher of Reims Bernard de Soissons |
ประเภทสถาปัตย์ | โบสถ์ |
รูปแบบสถาปัตย์ | High Gothic |
ปีสร้าง | 1211–1345 |
งานฐานราก | ค.ศ. 1211 (1211) |
แล้วเสร็จ | ค.ศ. 1275 (1275) |
โครงสร้าง | |
อาคารยาว | 149.17 m (489.4 ft) |
พื้นที่ใช้สอย | 6,650 m2 (71,600 sq ft) |
จำนวนหอคอย | 2 |
ความสูงหอคอย | 81 m (266 ft) |
การปกครอง | |
อัครมุขมณฑล | แร็งส์ (ที่ตั้ง) |
นักบวช | |
อัครมุขนายก | Éric de Moulins-Beaufort |
Priest in charge | Jean-Pierre Laurent |
บางส่วน | อาสนวิหารแม่พระ, แอบบีแซ็ง-เรมีเก่า และวังโต เมืองแร็งส์ |
เกณฑ์พิจารณา | วัฒนธรรม: i, ii, vi |
อ้างอิง | 601-001 |
ขึ้นทะเบียน | 1991 (สมัยที่ 15) |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | Cathédrale Notre-Dame |
ขึ้นเมื่อ | 1862, 1920[1] |
อาสนวิหารแร็งส์เป็นสถานที่ที่พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศสได้ทำพิธีรับศีลจุ่มจากนักบุญเรมี บาทหลวงของเมืองแร็งส์เมื่อค.ศ. 496
นับตั้งแต่มีกฎหมายแยกศาสนจักรกับอาณาจักรใน ค.ศ. 1905 อาสนวิหารนี้ถือครองโดยรัฐ โดยมีข้อตกลงกับคริสตจักรให้ใช้งานในโอกาสพิเศษ ทางรัฐฝรั่งเศสเป็นผู้จ่ายค่าบูรณะและค่าบำรุงรักษา[2] มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมอาสนวิหารนี้ประมาณหนึ่งล้านคนทุกปี[3] และได้รับสถานะแหล่งมรดกโลกตั้งแต่ ค.ศ. 1991[2]