มัสยิดอัลอักศอ
From Wikipedia, the free encyclopedia
มัสยิดอัลอักศอ (อาหรับ: المسجد الاقصى) เรียกอย่างถูกต้องว่า ญามิอุลอักศอ (อาหรับ: جامع الأقصى) มีอีกชื่อว่า มัสยิดกิบลี หรือ มุศ็อลลากิบลี (อาหรับ: المصلى القبلي, อักษรโรมัน: al-muṣallā al-qiblī, แปลตรงตัว 'หอละหมาดกิบลัต (ใต้)')[2] เป็นมัสยิดรวมหรือหอละหมาดในย่านเมืองเก่าของเยรูซาเลม บางข้อมูลให้ชื่ออาคารนี้ว่า มัสยิดอัลอักศอ[3][4][5] แต่ชื่อนี้เป็นที่โต้แย้ง เนื่องจากสามารถใช้กับพื้นที่ทั้งหมดที่เป็นที่ตั้งของอาคารได้[6] พื้นที่ที่กว้างกว่ามีอีกชื่อว่า ฮะรอมุชชะรีฟ[7] ประกอบด้วยพื้นที่มัสยิดอัลอักศอและเนินพระวิหาร[8][9][10]
มัสยิดอัลอักศอ | |
---|---|
جامع الأقصى المصلى القبلي المسجد الاقصى (พิพาท) | |
ศาสนา | |
ศาสนา | อิสลาม |
หน่วยงานกำกับดูแล | มุฮัมมัด อะห์มัด ฮุซัยน์ (แกรนด์มุฟตีเยรูซาเลม) |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | เนินพระวิหาร (เยรูซาเลมตะวันออก) |
ผู้บริหาร | Jerusalem Islamic Waqf |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 31.77617°N 35.23583°E / 31.77617; 35.23583 |
สถาปัตยกรรม | |
ประเภท | มัสยิด |
รูปแบบ | อิสลามตอนต้น |
เริ่มก่อตั้ง | คริสต์ศตวรรษที่ 7–8 |
ลักษณะจำเพาะ | |
ทิศทางด้านหน้า | เหนือ–ตะวันตกเฉียงเหนือ |
ความจุ | มากกว่า 5,000 คน |
วัสดุ | หินปูน (กำแพงส่วนนอก, ด้านหน้าอาคาร), ตะกั่วและคอนกรีต (โดม), หินอ่อนสีขาว (เสาหินข้างใน) และโมเสก[1] |
ในสมัยเคาะลีฟะฮ์ อุมัรแห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดูน (ค. 634 – 644) หรือเคาะลีฟะฮ์ มุอาวิยะฮ์ที่ 1 แห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ (ค. 661 – 680) มีการสร้างอาคารละหมาดขนาดเล็กบนพื้นที่ใกล้กับที่ตั้งของมัสยิด ส่วนมัสยิดในปัจจุบันที่ตั้งอยู่บนกำแพงตอนใต้ของพื้นที่นั้น สร้างขึ้นโดยอับดุลมะลิก เคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์องค์ที่ 5 (ค. 685 – 705) หรืออัลวะลีดที่ 1 (ค. 705 – 715) ผู้สืบทอดของพระองค์ (หรือทั้งสองพระองค์) ในแนวเดียวกันกับโดมแห่งศิลา หลังมัสยิดถูกทำลายจากแผ่นดินไหวใน ค.ศ. 746 จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ. 758 โดย อัลมันศูร เคาะลีฟะฮ์แห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ จากนั้นจึงขยายเพิ่มเติมใน ค.ศ. 780 โดยเคาะลีฟะฮ์ อัลมะฮ์ดี โดยมีทางเดินสิบห้าแถวและโดมกลาง แต่มัสยิดนี้ถูกทำลายจากแผ่นดินไหวที่หุบเขาทรุดจอร์แดน ค.ศ. 1033 ก่อนที่จะสร้างขึ้นใหม่โดยเคาะลีฟะฮ์ อัซซอฮิรแห่งรัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ โดยลดทางเดินเหลือ 7 แถว แต่ตกแต่งภายในด้วยซุ้มประตูตรงกลางวิจิตรบรรจงที่ปูด้วยโมเสกรูปพืชพรรณ โครงสร้างปัจจุบันรักษาโครงร่างในคริสต์ศตวรรษที่ 11
ในระหว่างการบูรณะเป็นระยะ ๆ ราชวงศ์อิสลามที่ปกครองพื้นที่นี้ได้สร้างมัสยิดและอาณาบริเวณเพิ่มเติม เช่น โดม ด้านหน้าอาคาร หออะษาน กับมินบัร และโครงสร้างภายใน ก่อนทีนักรบครูเสดเข้ายึดครองใน ค.ศ. 1099 มัสยิดนี้เคยเป็นพระราชวัง หลังจากนั้นจึงกลายเป็นกองบัญชาการของอัศวินเทมพลาร์ หลังเศาะลาฮุดดีนยึดพื้นที่นี้คืนใน ค.ศ. 1187 โครงสร้างนี้จึงกลับไปเป็นมัสยิด แล้วมีโครงการบูรณะ ซ่อมแซม และขยายในศตวรรษถัดมาของรัฐสุลต่านอัยยูบ รัฐสุลต่านมัมลูก จักรวรรดิออตโตมัน สภามุสลิมสูงสุดของบริติชปาเลสไตน์ และในสมัยเวสต์แบงก์ภายใต้การครอบครองของจอร์แดน มัสยิดนี้อยู่ภายใต้การบริหารแบบอิสระของ Jerusalem Islamic Waqf นับตั้งแต่เริ่มต้นการครอบครองเวสต์แบงก์ของอิสราเอล[11]
มัสยิดอัลอักศอตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ทางประวัติศาสตร์และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในบริเวณพระวิหารในกรุงเยรูซาเลม พื้นที่ทั้งหมดจึงมีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์สูง และเป็นบริเวณที่เกิดความรุนแรงและควบคุมไม่ได้โดยหลักในความขัดแย้งอิสราเอล–ปาเลสไตน์[12]