อาการท้องผูก
From Wikipedia, the free encyclopedia
อาการท้องผูก[8] (อังกฤษ: constipation) หมายถึงการถ่ายอุจจาระไม่บ่อยหรือยาก[2] อุจจาระบ่อยครั้งจะแข็งและแห้ง[4] อาการอื่น ๆ ที่อาจมีรวมปวดท้อง ท้องขึ้น (bloating) และรู้สึกเหมือนกับว่ายังถ่ายไม่หมด[3] ภาวะแทรกซ้อนรวมทั้งโรคริดสีดวงทวาร แผลทวารหนัก (anal fissure) และอุจจาระอัดแน่น (fecal impaction)[4] ความถี่การถ่ายอุจจาระปกติของผู้ใหญ่อยู่ระหว่าง 3 ครั้งต่อวัน จนถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์[4] ส่วนทารกบ่อยครั้งจะถ่าย 3-4 ครั้งต่อวัน และเด็กเล็ก ๆ ปกติจะถ่าย 2-3 ครั้งต่อวัน[9]
อาการท้องผูก (Constipation) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Costiveness[1], dyschezia[2] |
ภาพเอ็กซเรย์แสดงอาการท้องผูกในเด็ก วงกลมแสดงอุจจาระ (อุจจาระสีขาวล้อมรอบด้วยแก๊สลำไส้สีดำ) | |
สาขาวิชา | วิทยาทางเดินอาหาร |
อาการ | ถ่ายไม่บ่อยหรือยาก ปวดท้อง ท้องขึ้น[3][2] |
ภาวะแทรกซ้อน | ริดสีดวงทวารหนัก แผลทวารหนัก อุจจาระอัดแน่น[4] |
สาเหตุ | อุจจาระเคลื่อนไปได้ช้าในลำไส้ใหญ่, กลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น (IBS), celiac disease[upper-alpha 1], การแพ้กลูเตน (NCGS)[upper-alpha 2], ความผิดปกติของฐานเชิงกราน (pelvic floor disorders)[4][5][6] |
ปัจจัยเสี่ยง | ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์, โรคเบาหวาน, โรคพาร์คินสัน, โรคเกี่ยวกับกลูเตน, มะเร็งลำไส้ใหญ่, diverticulitis[upper-alpha 3], โรคลำไส้อักเสบ (IBD), ยาบางชนิด[4][5][6] |
การรักษา | ดื่มน้ำให้พอ ทานใยอาหารเพิ่ม ออกกำลังกาย[4] |
ยา | ยาระบายแบบเพิ่มเนื้ออุจจาระ, แบบเพิ่มน้ำ (osmotic agent), แบบทำอุจจาระให้นิ่ม, หรือแบบหล่อลื่น[4] |
ความชุก | 2-30%[7] |
ท้องผูกมีเหตุหลายอย่าง[4] เหตุสามัญรวมทั้งอุจจาระเคลื่อนไปในลำไส้ใหญ่ช้าเกินไป, กลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น, และความผิดปกติของฐานเชิงกราน (pelvic floor disorders)[4] โรคที่เป็นมูลฐานของอาการรวมทั้งภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์, โรคเบาหวาน, โรคพาร์คินสัน, celiac disease[upper-alpha 1], การแพ้กลูเตน (NCGS)[upper-alpha 2], มะเร็งลำไส้ใหญ่, diverticulitis[upper-alpha 3], และโรคลำไส้อักเสบ (IBD)[4][17][5][6] ยาที่ทำให้ท้องผูกรวมทั้งโอปิออยด์ ยาลดกรดบางชนิด แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ และ anticholinergics[4] ในบรรดาคนไข้ที่ทานยาโอปิออยด์ ประมาณ 90% จะท้องผูก[18] ท้องผูกน่าเป็นห่วงยิ่งขึ้นถ้าน้ำหนักลดหรือโลหิตจาง, มีเลือดในอุจจาระ, ครอบครัวมีประวัติโรคลำไส้อักเสบ (IBD) หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่, หรือเป็นอาการที่เกิดขึ้นใหม่ในผู้สูงอายุ[19]
การรักษาจะขึ้นอยู่กับเหตุและระยะเวลาที่เป็นมาแล้ว[4] พฤติกรรมที่อาจช่วยรวมทั้งการดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานใยอาหารเพิ่ม และออกกำลังกาย[4] ถ้านี่ยังไม่ได้ผล ก็แนะนำให้ใช้ยาระบายต่าง ๆ ทั้งแบบเพิ่มเนื้ออุจจาระ, แบบเพิ่มน้ำ (osmotic agent), แบบทำอุจจาระให้นิ่ม, หรือแบบหล่อลื่น[4] ส่วนยาระบายแบบ stimulant ที่กระตุ้นเยื่อเมือกลำไส้หรือข่ายประสาทลำไส้ เปลี่ยนการหลั่งน้ำและอิเล็กโทรไลต์ และเปลี่ยนการบีบตัวของลำไส้ จะเก็บไว้ใช้เป็นอย่างสุดท้ายถ้าอย่างอื่นไม่ได้ผล[4] การรักษาอย่างอื่นรวมทั้ง biofeedback (การวัดการตอบสนองทางสรีรภาพด้วยเครื่องมือโดยมีจุดประสงค์เพื่อจะควบคุมการตอบสนองเช่นนั้น ๆ) หรือในกรณีที่น้อยมาก การผ่าตัด[4]
ในกลุ่มประชากรทั่วไป อัตราการท้องผูกอยู่ที่ 2-30%[7] ส่วนสำหรับผู้สูงอายุในบ้านคนชรา อัตราจะอยู่ที่ 50-75%[18]