นครนิวยอร์ก
เมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุดของสหรัฐ / From Wikipedia, the free encyclopedia
นครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี (อังกฤษ: New York City; NYC) เป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยประชากรกว่า 8,804,190 คน ในพื้นที่ 300.46 ตารางไมล์ (778.2 ตารางกิโลเมตร) ณ ค.ศ. 2020 ทำให้เป็นเมืองที่มีสัดส่วนประชากรต่อพื้นที่หนาแน่นที่สุดในสหรัฐ โดยมีประชากรมากกว่าเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอย่างลอสแอนเจลิสถึงสองเท่า นิวยอร์กซิตีตั้งอยู่ทางทิศใต้ของรัฐนิวยอร์กบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ประกอบด้วย 5 เขตปกครองสำคัญที่เรียกว่าโบโรฮ์ ได้แก่ เดอะบรองซ์ บรูคลิน แมนแฮตตัน ควีนส์ และสแตตัน ไอส์แลนด์[9] พื้นที่ทั้งหมดยังตั้งอยู่บริเวณท่าเรือนิวยอร์กซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก
นิวยอร์ก New York | |
---|---|
นคร | |
New York City • นครนิวยอร์ก | |
สมญา: เดอะบิกแอปเปิล, นครไม่เคยหลับไหล, โกธัม, และอื่น ๆ | |
แผนที่แบบโต้ตอบแสดงขอบเขตของนครนิวยอร์ก | |
พิกัด: 40°42′46″N 74°00′22″W[1] | |
ประเทศ | สหรัฐ |
รัฐ | รัฐนิวยอร์ก |
ภูมิภาค | แอตแลนติกกลาง |
เทศมณฑลตามรัฐธรรมนูญ (โบโรฮ์) | บร็องซ์ (เดอะบร็องซ์) คิงส์ (บรุกลิน) นิวยอร์ก (แมนแฮตตัน) ควีนส์ ริชมอนด์ (สแตเทนไอแลนด์) |
อาณานิคมในประวัติศาสตร์ | นิวเนเดอร์ลันท์ มณฑลนิวยอร์ก |
ก่อตั้ง | ประมาณ ค.ศ. 1624 |
รวมกับอีก 4 เทศมณฑล | ค.ศ. 1898 |
ตั้งชื่อจาก | เจมส์ ดยุกแห่งยอร์ก |
การปกครอง | |
• ประเภท | นายกเทศมนตรีเข้มแข็ง–สภา |
• องค์กร | สภานครนิวยอร์ก |
• นายกเทศมนตรี | เอริก อดัมส์ (เดโมแครต) |
พื้นที่[2] | |
• รวม | 472.43 ตร.ไมล์ (1,223.59 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 300.46 ตร.ไมล์ (778.19 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 171.97 ตร.ไมล์ (445.40 ตร.กม.) |
ความสูง[3] | 33 ฟุต (10 เมตร) |
ประชากร | |
• รวม | 8,804,190 คน |
• อันดับ | ที่ 1 ในสหรัฐ ที่ 1 ในรัฐนิวยอร์ก |
• ความหนาแน่น | 29,302.37 คน/ตร.ไมล์ (11,313.68 คน/ตร.กม.) |
• รวมปริมณฑล[5] | 20,140,470 คน (อันดับที่ 1) คน |
เดมะนิม | นิวยอร์กเกอร์ (New Yorker) |
เขตเวลา | UTC−05:00 (เขตเวลาตะวันออก) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC−04:00 (เวลาออมแสงตะวันออก) |
รหัสไปรษณีย์ | 100xx–104xx, 11004–05, 111xx–114xx, 116xx |
รหัสพื้นที่ | 212/646/332, 718/347/929, 917 |
รหัสฟิปส์ | 36-51000 |
รหัสภูมิประเทศของจีนิส | 975772 |
ท่าอากาศยานนานาชาติ | จอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) ลากัวร์เดีย (LGA) เนวาร์กลิเบร์ตี (EWR) |
ระบบขนส่งมวลชนเร็ว | รถไฟใต้ดินนครนิวยอร์ก, รถไฟเกาะสเตแทน, พาท |
จีดีพี (เฉพาะในนคร, ค.ศ. 2020) | 8.30 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ[6] (1st) |
จีเอ็มพี (ในเขตมหานคร, ค.ศ. 2020) | 1.67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (1st) |
โบโรฮ์ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อจำแนกตามพื้นที่ | ควีนส์ (109 ตารางไมล์ หรือ 280 ตารางกิโลเมตร) |
โบโรฮ์ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อจำแนกตามประชากร | บรุกลิน (2,559,903 คน [สำมะโนประชากร ค.ศ. 2019])[8] |
โบโรฮ์ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อแจำนกตามจีดีพี (ค.ศ. 2020) | แมนแฮตตัน (6.104 แสนล้านดอลลาร์)[6] |
เว็บไซต์ | www |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | เทพีเสรีภาพ; สถาปัตยกรรมแบบคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของแฟรงก์ ลอยด์ ไวรท์ |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์ | i, ii, vi |
ขึ้นเมื่อ | ค.ศ. 1984, ค.ศ. 2019 (คณะกรรมการสมัยที่ 8 และ 43) |
เลขอ้างอิง | ; |
ประเทศ | สหรัฐ |
ภูมิภาค | ยุโรปและอเมริกาเหนือ |
นิวยอร์กซิตีถือเป็นหนึ่งในสี่มหานครเอกของโลก ได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง การศึกษา การท่องเที่ยว อาหาร กีฬา การทูต และการแพทย์ของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในบางครั้งยังได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นเมืองหลวงของโลก[10][11][12] เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของมหานครตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่รู้จักในชื่อ ระเบียงตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐทั้งในด้านประชากรและเขตเมือง ด้วยจำนวนประชากรกว่า 20.1 ล้านคนในพื้นที่ทางสถิติของนครหลวง และ 23.5 ล้านคนในพื้นที่ทางสถิติแบบรวม ณ ค.ศ. 2020 นิวยอร์กซิตีจึงเป็นหนึ่งในมหานครที่มีประชากรมากที่สุดในโลก[13] และยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการย้ายถิ่นฐานสู่สหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย มีภาษามากกว่า 800 ภาษาถูกใช้ในนิวยอร์ก ทำให้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางภาษามากที่สุดในโลก[14] นิวยอร์กยังมีกฎหมายรองรับในการให้ที่พักอาศัยแก่ประชากรทุกคนที่ต้องการที่พักพิงโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือสถานะการเข้าเมือง โดยข้อมูล ณ ค.ศ. 2016 ระบุว่า มีประชากรกว่า 3.2 ล้านคนซึ่งเกิดนอกสหรัฐอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ส่งผลให้นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีผู้อพยพและผู้พลัดถิ่นมากที่สุดในโลก
นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในสหรัฐ[15] ด้วยความพลุกพล่าน และแสงสียามค่ำคืนตลอด 24 ชั่วโมง จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น “นครที่ไม่เคยหลับใหล” ขณะเดียวกันเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเล่นอื่น ๆ เช่น “กอร์ทเทม” (Gotham) และ “บิ๊กแอปเปิล” (Big Apple)[16][17] รถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กถือเป็นหนึ่งในระบบขนส่งมวลชนเร็วที่สำคัญที่สุดของโลก มีสถานีกว่า 472 แห่ง สถานีเพนซิลเวเนียในแมนฮัตตันเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่พลุกพล่านที่สุดในซีกโลกตะวันตก[18]
ชาวดัตซ์ถือเป็นผู้คนกลุ่มแรกที่เข้ามาเริ่มตั้งรกรากใน ค.ศ. 1624 แต่เดิมบริเวณแห่งนี้เคยถูกตั้งชื่อว่านิวอัมสเตอร์ดัม เนื่องจากเป็นนิคมของจักรวรรดิดัตช์ และได้รับการจดทะเบียนให้มีฐานะเป็นเมืองใน ค.ศ. 1653 ต่อมา ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิบริติชใน ค.ศ. 1664 ก่อนจะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นนิวยอร์กภายหลังจากพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ พระราชทานที่ดินดังกล่าวแก่พระเจ้าเจมส์ที่ 2 พระอนุชาของพระองค์ เมืองนี้ได้กลับไปอยู่ใต้การปกครองโดยชาวดัตซ์อีกครั้งในช่วงสั้น ๆ และเปลี่ยนชื่อเป็นนิวออเรนจ์ ก่อนจะได้รับการตั้งชื่อว่านิวยอร์กอย่างถาวรตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1674 นิวยอร์กเคยเป็นอดีตเมืองหลวงของสหรัฐระหว่าง ค.ศ. 1785–1790[19] และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาตั้งแต่ ค.ศ. 1790 อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศ โดยได้รับการส่งผ่านทางเกาะเอลลิสทางเรือในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 และถือเป็นสัญลักษณ์ของอุดมคติแห่งเสรีภาพและสันติภาพ[20]
นิวยอร์กซิตีเป็นที่ตั้งของวอลสตรีต ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญทางตอนใต้ของแมนแฮตตัน ได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก[21] และเมืองที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก[22] และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสองแห่งตามมูลค่าราคาตลาดของบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและแนสแด็ก[23][24] ใน ค.ศ. 2021 พื้นที่ของมหานครนิวยอร์กได้รับการจัดอันดับให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยมีมูลค่าผลิตภัณฑ์รวมของมหานครเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากนครนิวยอร์กมีสถานะเป็นประเทศ เมืองนี้จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสิบของโลก นิวยอร์กเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนทั่วโลก[25] และเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสำหรับชาวต่างชาติสูงที่สุดในโลก (ค.ศ. 2023)[26] นิวยอร์กยังเป็นเมืองที่มีจำนวนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก เขตและอนุสาวรีย์หลายแห่งในนิวยอร์กซิตีถือเป็นสถานที่สำคัญของโลก โดยมีสามแห่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก (ค.ศ. 2023)[27] มีนักท่องเที่ยวมากถึง 66.6 ล้านคนเดินทางมายังนิวยอร์ก ณ ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ ไทม์สแควร์เป็นศูนย์กลางของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนบรอดเวย์อันเลื่องชื่อ และยังเป็นหนึ่งในถนนที่พลุกพล่านที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของโลก[28] สถานที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ ตึกระฟ้า สนามกีฬา ภัตตาคาร และสวนสาธารณะหลายแห่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สิ่งปลูกสร้างที่สำคัญอย่าง ตึกเอ็มไพร์สเตต ได้รับการยกย่องเป็นต้นแบบของการวางรากฐานโครงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่[29] อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและพักอาศัยในนิวยอร์กยังมีราคาสูงที่สุดในโลก[30]
นิวยอร์กเป็นที่ตั้งของสถานศึกษากว่า 120 แห่ง โดยหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับโลก นับตั้งแต่ศควรรษที่ 21 เป็นต้นมา นิวยอร์กกลายเป็นศูนย์รวมของเศรษฐกิจบนพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์ การเป็นผู้ประกอบการระดับโลก และเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม[31][32] เดอะนิวยอร์กไทมส์ หนังสือพิมพ์รายวันเจ้าหลักของประเทศได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ และครองสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดในประเทศมายาวนาน เมืองนี้ยังเป็นศูนย์รวมในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ[33] และเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวของกลุ่มแอลจีบีทีของโลก[34] รวมทั้งเป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการแข่งขันกีฬาและทีมกีฬาระดับโลก อาทิ ทีมบาสเกตบอลนิวยอร์ก นิกส์ และเทนนิสยูเอสโอเพน นิวยอร์กซิตียังเป็นหนึ่งในศูนย์รวมผลงานทางศิลปะของโลก โดยมีหอศิลป์หลายแห่งซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประมูลงานศิลปะกว่าครึ่งหนึ่งของโลก พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก มีชื่อเสียงในการเป็นเจ้าภาพจัดงานแฟชั่นเมตกาลาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี[35][36]