สงครามกลางเมืองเยเมน (พ.ศ. 2558–ปัจจุบัน)
From Wikipedia, the free encyclopedia
สงครามกลางเมืองเยเมน (อังกฤษ: Yemeni Civil War; อาหรับ: الحرب الأهلية اليمنية) เป็นความขัดแย้งที่ยังดำเนินไปต่อเนื่อง เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2558 ระหว่างสองฝ่าย: รัฐบาลเยเมนนำโดย อับดรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี และขบวนการติดอาวุธฮูษี ร่วมกับพันธมิตรและผู้สนับสนุน ทั้งสองฝ่ายอ้างว่าเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการของเยเมน[145]
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
สงครามกลางเมืองเยเมน (พ.ศ. 2558–ปัจจุบัน) | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ อาหรับวินเทอร์ วิกฤตการณ์เยเมน (พ.ศ. 2554–ปัจจุบัน) และ ความขัดแย้งอิหร่าน-ซาอุดิอาระเบีย/ความขัดแย้งกาตาร์-ซาอุดิอาระเบีย | ||||||||||
สถานการณ์ทางทหารในเยเมนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ยึดครองโดย รัฐบาลเยเมน นำโดยฮาดีและพันธมิตร
ยึดครองโดย Southern Transitional Council
ยึดครองโดย อันซาร์ อัลชาริอะ (เยเมน) และ อัลกออิดะห์แห่งคาบสมุทรอาหรับ (AQAP)
(สำหรับแผนที่สถานการณ์ทางทหารในเยเมนและแนวชายแดนในซาอุดิอาระเบียดูที่แผนที่ละเอียด) | ||||||||||
| ||||||||||
กลุ่มหลัก | ||||||||||
สภาการเมืองสูงสุด
Alleged support: |
คณะรัฐมนตรีแห่งเยเมน
Saudi-led coalition Green Berets[28][29] Support: Southern Transitional Council (from 2017)[38] สนับสนุน: |
อัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับ[45][46][47]
รัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ – จังหวัดเยเมน(ISIL-YP)[49][50] | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | ||||||||||
Casualties:
|
Abdrabbuh Mansur Hadi Under 1,000 troops
Casualties:
|
Nasir al-Wuhayshi † Abu Bilal al-Harbi[89] | ||||||||
กำลัง | ||||||||||
สภาการเมืองสูงสุด: |
100 warplanes และทหาร 150,000 คน[91] 30 warplanes[92] 15 warplanes[92] and 300 troops[93] 15 warplanes[92] 10 warplanes และทหาร 1,000 คน[92][94] 6 warplanes[92] 6 warplanes[92] and 1,500 troops[92][20] 4 warplanes and 6,000 troops[95][96] 2,100 troops[92] 4 warships[97] and warplanes[98] Academi: 1,800 security contractors[99] |
Ansar al-Sharia ISIL: 300[104] | ||||||||
ความสูญเสีย | ||||||||||
11,000+ killed (Arab Coalition claim; as of December 2017)[105] |
Unknown Academi: 15 PMCs killed[134] | 1,000 killed, 1,500 captured[135] | ||||||||
67,654–90,100+ killed overall in Yemen[136][137] (6,872–7,000+ civilians)[138][136] |
กองกำลังของฮูษี ปัจจุบันควบคุมเมืองหลวง ซานาอา เป็นพันธมิตรกับกองกำลังที่จงรักภักดีกับอดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลลอห์ ซาเละห์ ได้ปะทะกับกองกำลังที่ภักดีกับฮาดี ซึ่งมีฐานที่มั่นที่เอเดน อัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) และ รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลอแวนต์ ได้ร่วมโจมตีด้วย โดยอัลกออิดะห์ควบคุมพื้นที่ในชนบทห่างไกล และตามแนวชายฝั่ง[146]
ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 หลังจากฮูษีเข้ายึดครองซานาอาและรัฐบาลเยเมน ผู้นำคณะกรรมการปฏิวัติสูงสุดของฮูษี ได้ประกาศปลดฮาดี และขยายการควบคุมไปยังพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้[147] การรุกของฮูทีเป็นพันธมิตรกับกำลังทหารที่ภักดีต่อซาเละห์ เริ่มการต่อสู้ในวันรุ่งขึ้นที่ลาหิช และยึดได้ในวันที่ 25 มีนาคม และคืบหน้าไปยังเอเดน ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของฮาดี[148]ฮาดีลี้ภัยออกนอกประเทศในวันเดียวกัน[149][150]
ต่อมา มีความช่วยเหลือของซาอุดิอาระเบีย ที่เข้ามาโจมตีทางอากาศเพื่อฟื้นฟูรัฐบาลเดิมของเยเมน[18] สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือทางด้านโลจิสติกส์ด้วย [15] ตามข้อมูลของสหประชาชาติ ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558 – เดือนธันวาคม 2560 ประชาชนราว 8,670–13,600 คนถูกฆ่าในเยเมน โดยเป็นพลเรือนมากกว่า 5,200 คนและคาดว่ามากกว่า 50,000 คนเสียชีวิตเพราะความอดอยากในเยเมนที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2559 ซึ่งมีสาเหตุมาจากสงคราม[140][151][152]
ความขัดแย้งนี้ถูกมองว่าเป็นการขยายตัวมาจากความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งหมายความว่าอิหร่านมีอิทธิพลในบริเวณนี้[153][154] ใน พ.ศ. 2561 สหประชาชาติเตือนว่าประชาชนชาวเยเมน 13 ล้านคน พบกับความอดอยากที่เลวร้ายที่สุดในโลกในรอบ 100ปี[155]
ชุมชนนานาชาติประณามการทิ้งระเบิดของฝ่ายซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีการทิ้งระเบิดในพื้นที่ของพลเรือน[156] การทิ้งระเบิดทำให้ประชาชน 17,729 เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562[157] วิกฤติการณ์นี้เริ่มจะได้รับความสนใจจากสื่อนานาชาติ ดังที่เป็นในสงครามกลางเมืองซีเรีย[158][159]
สหรัฐได้ทิ้งระเบิดเพื่อช่วยเหลือซาอุดิอาระเบียโจมตีทางอากาศต่อเยเมน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ทำให้สภาสูงของสหรัฐผ่านญัตติเพื่อยุติการช่วยเหลือของสหรัฐต่อซาอุดิอาระเบีย[160] ซึ่งถูกระงับโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และในเดือนพฤษภาคม สภาสูงล้มเหลวที่จะยกเลิกการยับยั้งนี้[161]